ข้อควรรู้เกี่ยวกับสมาธิสั้น ปรับชีวิตประจำวันอย่างไรให้ดีขึ้น

รักษาสมาธิสั้นอย่างไรให้ได้ผล? ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลอย่างตรงจุด

สมาธิสั้นไม่ใช่แค่ "เด็กซน" แต่เป็นภาวะทางสมองที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ในทุกช่วงวัย

เมื่อพูดถึง “สมาธิสั้น” หลายคนอาจนึกถึงภาพของเด็กที่อยู่ไม่นิ่ง ซน หรือขาดความตั้งใจ แต่ในความเป็นจริง สมาธิสั้นไม่ได้จำกัดแค่ในวัยเด็กเท่านั้น เพราะสามารถเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อชีวิตในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย การเข้าใจภาวะนี้อย่างถูกต้องตั้งแต่พื้นฐาน จะช่วยให้เรามองเห็นแนวทางในการดูแล รักษา และปรับตัวได้อย่างเหมาะสม

โรคสมาธิสั้นคืออะไร เกิดจากอะไร?

สมาธิสั้น หรือ ADHD (Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder) เป็นความผิดปกติทางพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ควบคุมการวางแผน การควบคุมตนเอง และความสามารถในการใส่ใจ

มีข้อมูลจากการศึกษาทางสมองโดยใช้ fMRI พบว่าสมองของผู้ที่มีสมาธิสั้นมีการทำงานที่แตกต่างจากคนทั่วไปในบางบริเวณ เช่น prefrontal cortex และ basal ganglia ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมาธิและแรงกระตุ้นภายใน

สมาธิสั้นไม่ได้พบเฉพาะในเด็กเท่านั้น แต่ยังสามารถดำเนินต่อเนื่องถึงวัยผู้ใหญ่ โดยข้อมูลทางระบาดวิทยาในต่างประเทศชี้ว่า ประมาณ 60% ของเด็กที่มีสมาธิสั้นจะยังมีอาการต่อเนื่องเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และในบางกรณีอาจเพิ่งตรวจพบในวัยทำงานหรือแม้แต่วัยกลางคน

โรคสมาธิสั้นมีอาการอย่างไร?

ตามหลักการวินิจฉัยจากคู่มือ DSM-5 ซึ่งใช้โดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาทั่วโลก อาการของสมาธิสั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:

  1. อาการขาดสมาธิ (Inattention)
    • ลืมง่าย วางของหายบ่อย
    • ทำงานหรือกิจกรรมจนจบได้ยาก
    • ไม่สามารถตั้งใจฟังหรือทำงานต่อเนื่องได้
  2. อาการอยู่ไม่นิ่ง (Hyperactivity)
    • อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องขยับตัวตลอด
    • พูดมากกว่าปกติ
    • ลุกเดินขณะไม่ควรลุก เช่น ขณะเรียนหรือประชุม
  3. อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsivity)
    • พูดแทรกผู้อื่น ขัดจังหวะ
    • v
    • ตัดสินใจเร็วโดยไม่คิดให้รอบคอบ
    • ควบคุมอารมณ์ได้ยาก

ผู้ที่มีอาการสมาธิสั้นอาจมีอาการครบทั้ง 3 กลุ่ม หรืออาจเด่นเพียงบางกลุ่มเท่านั้น เช่น “สมาธิสั้นแบบไม่มีอยู่ไม่นิ่ง” หรือ “อยู่ไม่นิ่งแบบไม่มีสมาธิสั้น”

ผลกระทบของโรคสมาธิสั้นที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม ผู้ที่มีสมาธิสั้นอาจเผชิญปัญหาเหล่านี้:

  • ทำงานผิดพลาดจากความสะเพร่า
  • ถูกเข้าใจผิดว่า "ขี้เกียจ" หรือ "ไม่ตั้งใจ"
  • มีปัญหาในการเรียนหรือการทำงาน
  • ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมีความตึงเครียด
  • ความเสี่ยงสูงขึ้นต่อภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล การใช้สารเสพติด หรือภาวะหมดไฟ

โรคสมาธิสั้น รักษาหายไหม

โรคสมาธิสั้นไม่ใช่โรคที่หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ผู้ที่มีอาการสมาธิสั้นนี้ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้การรักษาโรคสมาธิสั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้ยาเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับพฤติกรรมและการบำบัดร่วมด้วย ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ที่มีสมาธิสั้นควบคุมอาการและใช้ชีวิตได้ตามปกติ

วิธีการรักษาโรคสมาธิสั้น

รักษาด้วยยา

มียากลุ่ม stimulant เช่น methylphenidate และ non-stimulant เช่น atomoxetine ซึ่งช่วยเพิ่มสารสื่อประสาท dopamine และ norepinephrine ในสมอง ทำให้ควบคุมสมาธิและพฤติกรรมได้ดีขึ้น โดยแพทย์จะพิจารณาจ่ายยาเฉพาะรายตามอาการและความเหมาะสม

วิธีรักษาสมาธิสั้น โดยไม่ใช้ยา

จิตบำบัดและพฤติกรรมบำบัด

  • CBT (Cognitive Behavioral Therapy): ช่วยในการรับมือกับความคิดลบ การวางแผน และควบคุมอารมณ์
  • Behavior Modification: การปรับพฤติกรรมโดยใช้รางวัลและการกำกับพฤติกรรมที่ชัดเจน

การฝึกทักษะการใช้ชีวิต (Life Skill Training)

  • การบริหารเวลา การจัดระเบียบสิ่งของ การวางแผนล่วงหน้า
  • ฝึกการใช้เครื่องมือช่วย เช่น ปฏิทิน แจ้งเตือน แอปโน้ต

การให้ความรู้แก่ครอบครัวและคนรอบข้าง

ญาติหรือผู้ดูแลควรเข้าใจว่า “สมาธิสั้นไม่ใช่เพราะเด็กดื้อ” และการให้กำลังใจ การสื่อสารที่สร้างความร่วมมือ จะส่งผลดีต่อการดูแลมากกว่าการตำหนิ

เคล็ดลับการใช้ชีวิตร่วมกับสมาธิสั้น

  • ตั้งนาฬิกาปลุกหรือ reminder เพื่อเตือนเวลาทำสิ่งสำคัญ
  • ใช้เทคนิค Pomodoro แบ่งเป้าหมายงานย่อย เช่น ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที
  • เขียน checklist รายการงานรายวัน
  • หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน เช่น ปิดแจ้งเตือนมือถือ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้สมองหลั่ง dopamine ธรรมชาติ
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนมีผลโดยตรงต่อสมาธิและอารมณ์

รักษาโรคสมาธิสั้นที่ไหนดี?

การรักษาโรคสมาธิสั้นไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ยา แต่ยังรวมถึงการบำบัดและการปรับพฤติกรรมเฉพาะบุคคล ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ หากคุณเริ่มสังเกตอาการในตัวเองหรือคนใกล้ชิด การปรึกษาจิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด

Piti Clinic ปีติคลินิก คลินิกสุขภาพจิต คลินิกจิตเวช ให้บริการดูแลภาวะสมาธิสั้นทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยทีมจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและวางแนวทางการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพมากขึ้น

ติดต่อ Piti Clinic ปีติ คลินิก คลินิกสุขภาพจิต

ที่อยู่: 170/6 Pradiphat Rd, Phaya Thai, Bangkok 10400
ติดเซเว่น ซอยประดิพัทธ์ 10 (ใกล้ BTS สะพานควาย) กรุงเทพ
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/fTHxf6pRK9DZZ1aM7

เว็บไซต์: www.piti.co.th
นัดหมายทาง LINE ID: @piticlinic
โทรติดต่อเจ้าหน้าที่: 090 230 6000

เวลาติดต่อ: จันทร์-ศุกร์ 12.00-19.00 , เสาร์-อาทิตย์ 10.00-19.00