เทคนิคสื่อสารสร้างแรงจูงใจ ผู้ป่วยจิตเวชให้รับการรักษา

เทคนิคการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยจิตเวชเข้าสู่กระบวนการรักษา

ในสังคมปัจจุบัน ปัญหาสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด ผู้ป่วยจิตเวชจำนวนมากต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจากโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ ภาวะนอนไม่หลับ หรือแม้แต่ประสบการณ์หลงผิดและหูแว่ว แม้อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาและรักษาได้ แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการสร้าง “แรงจูงใจ” ให้ผู้ป่วยเปิดใจเข้าสู่การรักษาในคลินิกจิตเวช

หลายคนยังลังเลเพราะกลัวการถูกตัดสิน หรือไม่แน่ใจว่าการปรึกษาจิตแพทย์จะช่วยได้จริงหรือไม่ ดังนั้น การสื่อสารที่เข้าใจความรู้สึกและให้ความหวังจึงเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยจิตเวชกล้าก้าวแรกสู่การฟื้นฟูสุขภาพจิตอย่างยั่งยืน

 

เข้าใจหัวใจของการสื่อสารกับผู้ป่วยจิตเวช เพื่อเปิดประตูสู่การฟื้นฟูสุขภาพจิต

ผู้ป่วยจิตเวชจำนวนมากลังเลที่จะเริ่มรักษา แม้ว่าจะทรมานกับอาการต่างๆ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ หรือแม้แต่อาการหลงผิด หูแว่ว และอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ “แรงจูงใจ” ในการยอมรับความเจ็บป่วยและเปิดใจเข้าหาการบำบัดรักษา

การสร้างแรงจูงใจจึงเป็น ภารกิจสำคัญของจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และครอบครัว ที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างประณีต โดยมีหัวใจคือ “การสื่อสารที่เข้าใจมนุษย์”

 

วิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยจิตเวชเพื่อสร้างแรงจูงใจอย่างได้ผล

  1. ฟังอย่างตั้งใจ ด้วยท่าทีไม่ตัดสิน
    หลายครั้งผู้ป่วยไม่ต้องการคำแนะนำทันที แต่ต้องการ “พื้นที่ปลอดภัย” ที่เขาสามารถเล่าเรื่องราว ความทุกข์ ความสับสน หรือความคิดที่เขาเองยังไม่เข้าใจได้โดยไม่มีใครตัดสิน
    ตัวอย่างคำพูด: “ผมอยู่ตรงนี้เพื่อฟังคุณนะ ไม่ต้องกังวลว่าจะพูดถูกหรือผิด” 

  2. สะท้อนความรู้สึก ให้เขารู้ว่าเราเข้าใจ 
    ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ควรตอบกลับด้วยความเห็นอกเห็นใจ เช่น “คุณผ่านเรื่องยากๆ มาเยอะมากเลยนะ มันไม่ง่ายเลยที่คุณยังยืนอยู่ตรงนี้” 
    คำพูดแบบนี้เสริมความรู้สึกมีคุณค่า ลดความรู้สึก “เป็นภาระ” หรือ “คนไม่ปกติ”

  3. อธิบายขั้นตอนการรักษาให้เข้าใจง่ายและเป็นรูปธรรม 
    แทนที่จะพูดว่า “เราจะปรับสารเซโรโทนินในสมอง” ลองเปลี่ยนเป็น “ยาและการรักษาจะช่วยให้สมองคุณกลับมาทำงานสมดุลขึ้น ทำให้คุณนอนหลับดีขึ้น อารมณ์นิ่งขึ้น และมีแรงลุกจากเตียงในตอนเช้า”
    การเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้ผู้ป่วยเห็นประโยชน์ของการรักษาอย่างชัดเจน

  4. ให้ภาพของความหวังและชีวิตที่ดีขึ้น 
    ความหวังคือเชื้อเพลิงของแรงจูงใจ การพูดถึงอนาคตในแง่บวก เช่น “เรามีผู้ป่วยหลายคนที่เคยรู้สึกหมดหวัง แต่หลังจากรักษา เขากลับไปทำงาน ใช้ชีวิตกับครอบครัว และหัวเราะได้อีกครั้ง” จะช่วยให้ผู้ป่วยจินตนาการถึงชีวิตที่ดีขึ้น และกล้าก้าวต่อไป

  5. ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขามีอำนาจในการตัดสินใจ 
    หลีกเลี่ยงการสั่งหรือบังคับ แต่ใช้คำถามเปิด เช่น “ถ้าคุณเลือกได้ คุณอยากเริ่มจากการคุยกับนักจิตวิทยาก่อน หรือเริ่มลองยาก่อนดีครับ?”  สิ่งนี้จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของกระบวนการรักษาของตนเอง

  6. สร้างความร่วมมือกับครอบครัวและคนใกล้ชิด 
    บางครั้งแรงจูงใจอาจเกิดจากคนที่ผู้ป่วยรัก เช่น ลูก คู่ชีวิต หรือพ่อแม่
    การให้ครอบครัวมีบทบาทในการสนับสนุน เช่น มากับผู้ป่วยในวันนัด หรือส่งข้อความให้กำลังใจ ก็สามารถเป็นพลังสำคัญได้

 

ปรึกษาจิตแพทย์อย่างทันท่วงที ลดความทุกข์ใจ และเริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้น

การปรึกษาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด แต่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยจิตเวชได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น การปรึกษาจิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยลดความทรมานทางใจและร่างกาย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและเห็นผลเร็วขึ้น

จิตแพทย์จะทำการประเมินอาการอย่างรอบด้าน ทั้งด้านอารมณ์ พฤติกรรม และปัจจัยแวดล้อม ก่อนเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การทำจิตบำบัด หรือการผสมผสานหลายวิธีร่วมกัน เมื่อผู้ป่วยได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ก็จะรู้สึกมั่นใจและเปิดใจมากขึ้น

ที่สำคัญ การปรึกษาจิตแพทย์ยังช่วยให้ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเข้าใจอาการและวิธีสนับสนุนผู้ป่วยจิตเวชได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การฟื้นฟูสุขภาพจิตเป็นไปอย่างมีพลังและยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการรักษาอาการ แต่คือการพาผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

สรุป

ผู้ป่วยจิตเวชมักลังเลที่จะรักษา การสื่อสารที่เข้าใจและให้ความหวังคือกุญแจสำคัญในการสร้างแรงจูงใจ และการปรึกษาจิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เข้าสู่การรักษาในคลินิกจิตเวชได้อย่างมั่นใจและฟื้นฟูสุขภาพจิตได้เร็วขึ้น

หากคุณหรือคนที่คุณรัก กำลังเผชิญปัญหาทางสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็น โรคซึมเศร้า โรคเครียด โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ นอนไม่หลับ ใช้สารเสพติด หรือมีอาการทางจิต

อย่ารอจนสาย ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางออกไปด้วยกัน 

ติดต่อ Piti Clinic ปีติ คลินิก คลินิกสุขภาพจิต 

www.piti.co.th
นัดหมายทาง LINE ID: @piticlinic
โทรติดต่อเจ้าหน้าที่: 090 230 6000

เวลาติดต่อ: จันทร์-ศุกร์ 12.00-19.00 , เสาร์-อาทิตย์ 10.00-19.00

ที่อยู่: 170/6 Pradiphat Rd, Phaya Thai, Bangkok 10400
ติดเซเว่น ซอยประดิพัทธ์ 10 (ใกล้ BTS สะพานควาย) กรุงเทพ 
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/fTHxf6pRK9DZZ1aM7